เกาะเทรนด์ “หมาล่า” เมนูยอดฮิตในไทย จะชาบูก็ได้ จะปิ้งย่างก็ดี

กระแสไม่ตกกันเลยสำหรับหมาล่า ที่มีการพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียล ย้อนกลับไปในตอนที่เริ่มมีการนำหมาล่าเข้ามาขายในประเทศไทย มาจากการเข้ามาร้านหม้อไฟหมาล่าจากจีนชื่อดัง ก็เริ่มเป็นที่นิยมจนคนไทยนำมาขายในรูปแบบของหมาล่าเสียบไม้ ไม่ว่าจะเป็น หมู ไก่ หมึก เห็ด และผักต่าง ๆ มาราดด้วยพริกหรือเครื่องหมาล่าเข้มข้น และเข้าถึงได้ง่ายจนเป็นหนึ่งใน Street Food ในไทยกันไปเลย ด้วยรสชาติที่แปลกใหม่ ได้ทั้งเผ็ด ทั้งชาลิ้น ถูกปากคนไทยสุด ๆ

ไขข้อสงสัย!หมาล่า หรือหม่าล่ากันแน่?

ในภาษาจีน เขียนว่า “麻辣” เป็นการรวมกันของคำสองคำ คือคำว่า “麻” (má)แปลว่า ชาและ “辣” (là) แปลว่า เผ็ด หากอ่านจากตัวพินอิน จะออกเสียงว่า “หมาล่า” คือมีทั้งรสเผ็ดและชาปากนั่นเอง

ถ้าหมาล่าเป็นแค่การสื่อถึงรสชาติ แล้วรสชาตินี้มาจากวัตถุดิบอะไร? ความเผ็ดชานี้ มาจากเครื่องเทศที่ชื่อว่า “ฮวาเจียว” (花椒) หรือพริกไทยเสฉวน นิยมกันอย่างมากในประเทศจีน โดยเฉพาะทางเสฉวน โดยจะใช้เป็นวัตถุดิบในการปรุงรส ไปจนถึงการนำมาผัด ต้ม ตุ๋น ซุป เพื่อเพิ่มความหอมให้กับอาหาร

ย้อนรอยตำนานหมาล่า

ฮวาเจียว มีมาตั้งแต่ 400 ปีที่แล้ว ในสมัยราชวงศ์หมิง มีการสันนิษฐานว่าเริ่มจากพ่อค้าแม่ค้าแถบท่าเรือนครฉงชิ่ง ที่มีการใช้ฮวาเจียวเพื่อถนอมอาหารและกลบกลิ่นคาวของเนื้อ ให้มีรสชาติที่ดี และยังขายได้ราคาสูงอีกด้วย จนถึงช่วงสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง (ค.ศ. 1749) ก็เริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นในมณฑลเสฉวน

ทำไมคนไทยถึงชอบหมาล่า

อาหารในประเทศไทยมีหลากหลายรสชาติ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากทั้งตะวันตก และตะวันออก คนไทยเลยคุ้นชินกับอาหารหลายรสชาติ และด้วยตัวของรสชาติอาหารไทยเองก็มีครบรสทั้ง เปรี้ยว เค็ม หวาน และเผ็ด ทำให้คนไทยเคยชินกับรสชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะรสจัดจ้านอย่างหมาล่า ซึ่งมี “ฮวาเจียว” เป็นเครื่องเทศหัวใจหลัก ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งกลิ่นหอม และความรู้สึกเผ็ดชาลิ้นเมื่อกินเสร็จ

ขอบคุณภาพจาก: dataxet:infoquest

“หมาล่า” ถูกพูดถึงมากในโซเชียล

จากการรวบรวมข้อมูลจาก DXT360 แพลตฟอร์มติดตามข่าวสาร และเสียงของผู้บริโภค (Social Listening) ของบริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด (Dataxet:infoquest) พบว่า มีการพูดถึงหมาล่าในโซเชียลจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะพูดถึง “ชาบูหมาล่า” มากที่สุด รองลงมาคือ “อยากกินหมาล่า” และ “หมาล่าหม้อไฟ” ซึ่งสามารถสรุปได้ว่าประเภทหมาล่าที่คนบนโซเชียลสนใจเป็น “หมาล่าชาบู” หรือ “หมาล่าหม้อไฟ” นั่นเอง

กระแสหมาล่า ไม่ได้มาแบบฉาบฉวย เพราะเราจะเห็นได้ว่าในระยะเวลาไม่นาน มีร้านหมาล่าเปิดใหม่จำนวนมาก จนเรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ธุรกิจยอดฮิตเลย จากช่วงระยะเวลาที่ Dataxet:infoquestเก็บข้อมูลที่ผ่านมา 12 วัน (31 สิงหาคม – 11 กันยายน 2566) บน Facebook, YouTube, Instagram และ Twitter พบว่า มีการพูดถึงร้านหมาล่าเปิดใหม่ เฉพาะแค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครถึง 11 ร้าน ซึ่งตกเฉลี่ยเกือบวันละ 1 ร้านกันเลยทีเดียว!

และไม่ว่าจะเปิดร้านหมาล่าเพิ่มอีกเท่าไร ก็จะต้องมีคนไปต่อคิวกินหมาล่ารสจัดจ้านให้หนำใจกันทุกวันแน่นอน แต่ต้องกินอย่างระวัง อย่าเผลอซดน้ำหมาล่าเพียว ๆ กันมากเกินไปล่ะ เพราะอาจเกิดท้องเสีย และลำไส้แปรปรวนได้

อยากตามเทรนด์หมาล่า ก็ต้องกินหมาล่า

ถึงแม้ว่ารสชาติของหมาล่าจะจัดจ้านเสียเหลือเกิน แต่กระแสมาแรงขนาดนี้ จะอดใจไม่กินยังไงไหว มาดูวิธีการกินหมาล่าให้ดีต่อสุขภาพกันดีกว่า

  1. เลือกเมนูเนื้อสัตว์แบบไม่ติดมัน เช่น อกไก่ กุ้ง สันในหมู ปลาและหลีกเลี่ยงเมนูเนื้อสัตว์แปรรูป เช่นไส้กรอก เบคอน ปูอัด

  1. แบ่งสัดส่วนอาหารให้ได้ปริมาณผักมากกว่าเนื้อ

  1. ระวังการเติมเครื่องปรุงรสมากเกินไปจะทำให้มีโซเดียมเพิ่มขึ้นเกินความจำเป็น และมากไปกว่านั้น การกินหมาล่าที่มากเกินไปอาจกระตุ้นให้ผู้ที่มีปัญหาแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวนหรือโรคเกี่ยวกับลำไส้ อาการกำเริบได้

  1. เลือกดื่มน้ำเปล่า หรือโซดาเปล่า เป็นเครื่องดื่มแทนน้ำหวาน

สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองชิมลิ้มรสหมาล่า ต้องลองสักครั้งแล้วจะติดใจ แต่อย่าลืมว่า อย่าซดน้ำซุปเพียว ๆ กันนะ เพื่อสุขภาพที่ดีีของกระเพาะและลำไส้ของเราเอง แถมยังอร่อยกับหมาล่าได้บ่อย ๆ อีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สสส และ Dataxet:infoquest

อายัด 'สลากกินแบ่งรัฐบาล' งวด 16ก.ย. 66 จำนวน 90 เล่ม 9,000 ใบ คำพูดจาก สล็อต777

ย้อนดู “เงินเดือนข้าราชการ” หลัง ครม.สั่งการแบ่งจ่าย 2 รอบ/เดือน

วันขอเงินพระจันทร์ “อมาวสี” คืออะไร พร้อมแจกฤกษ์มงคลตลอดปี 2566